เรื่องเล่าครั้งพุทธกาล

เรื่องเล่าครั้งพุทธกาล
 มีเรื่องราวอยู่เรื่องหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า “อานันทเศรษฐี” มีทรัพย์มากถึง 80 โกฏิ แต่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ยอมบริจาคทรัพย์ หรือทำบุญเจือจานให้กับผู้ใด แถมอบรมลูกหลานให้ตระหนี่ไว้อย่าให้เจือจานแก่ผู้ใด แม้จะใช้จ่ายอะไรก็ตระหนี่มาก อบรมลูกชายวันละ 3 ครั้งในเรื่องให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายทรัพย์ วันหนึ่งเศรษฐีอานันทะก็ได้ตายลง ไปเกิดเป็นลุกชายของหญิงวรรณะจัณฑาล ซึ่งในประเทศอินเดียถือว่าเป็นวรรณะต่ำ ใครที่เกิดในตระกูลจัณฑาลจะได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
เศรษฐีอานันทะไม่เพียงแต่เกิดมาในตระกูลของจัณฑาลแต่ยังเกิดมาพิการตั้งแต่กำเนิด มีตา จมูก ปาก ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ หน้าตาดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนปีศาจไปไหนมาไหนใครที่เห็นก็รังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ ไม่เหมือนเด็กโดยทั่วไปที่ใครเห็นแล้วก็มักจะนึกเอ็นดูหรือสงสาร
นับตั้งแต่เด็กจัณฑาลคนนี้มาเกิดในหมู่บ้านนี้ ปรากฏว่าทั้งหมู่บ้านพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย การทำมาหากินของคนในหมู่บ้านฝืดเคืองแร้นแค้นยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายคนในหมู่บ้านต่างก็ลงความเห็นกันว่า ลูกชายพิการของหญิงจัณฑาลคนนี้ที่หน้าตาเหมือนปีศาจนี่แหละเป็นกาลกิณี ทำให้การหากินของคนในหมู่บ้านฝืดเคือง ชาวบ้านก็เลยพร้อมใจกันขับไล่ทั้งหญิงจัณฑาลและลูกชายพิการให้ออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่น
หญิงจัณฑาลและบุตรต้องระหกระเหินรอนแรมเที่ยวขอทานไปเรื่อยๆ วันไหนที่หญิงจัณฑาลคนนี้อุ้มบุตรไปขอทานด้วยก็จะไม่ได้อะไรเลยในวันนั้น ในที่สุดเธอก็คิดว่าบุตรของเราคนนี้คงจะเป็นตัวกาลกิณีจริงๆจึงวางบุตรชายทิ้งไว้แล้วออกขอทาน ก็พอจะได้ทรัพย์มาเลี้ยงปากท้องของตนและลูกพอไปได้วันหนึ่งๆ พอลูกชายเริ่มโตขึ้นก็สั่งให้ลูกชายพิการออกไปขอทานเหมือนตน นี่! เศรษฐีมี 80 โกฏิในอดีต แต่ไม่ยอมทำบุญทำทาน ตระหนี่ถี่เหนียวมาก
วันหนึ่งเด็กจัณฑาลนี้ได้เดินขอทานไปถึงหน้าบ้านของตนในชาติที่แล้วสมัยที่เป็นเศรษฐี เกิดระลึกชาติได้ จำได้ว่านี่คือบ้านของตนเองในอดีตชาติ จึงเดินเข้าไปในบ้านนั้น ปรากฏว่าเด็กๆในบ้านต่างตกใจที่เห็นเด็กจัณฑาลหน้าตาเหมือนปีศาจ คนรับใช้จึงได้ช่วยกันจับเด็กจัณฑาลคนนี้เฆี่ยนตีแล้วจับโยนออกมาหน้าบ้าน เห็นไหมว่าอดีตเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล แต่ทรัพย์นั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงแผ่ขยายพระญาณตรวจดูก็ทรงทราบเหตุการณ์เหล่านี้ พระองค์ผู้เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาได้ทรงออกบิณฑบาตพร้อมกับพระอานนท์มายังบ้านหลังนี้ เมื่อมาถึงหน้าบ้านเศรษฐีก็ทรงพบเหตุการณ์ที่เด็กจัณฑาลถูกโยนออกมาที่หน้าบ้านพอดี พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า เด็กพิการคนนี้คืออานันทเศรษฐีเจ้าของเดิมของบ้านหลังนี้ที่ตายไปแล้วกลับชาติมาเกิดพระอานนท์จึงไปตามลูกชายของอานันทเศรษฐีออกมา แล้วพระพุทธเจ้าทรงบอกว่า เด็กพิกาจัณฑาลคนนี้แหละคือบิดาของเจ้าที่ตายไป ลูกชายเศรษฐีไม่ยอมเชื่อพระองค์ ว่าเด็กหน้าตาเหมือนปีศาจนี้คือพ่อของตนที่ตายไป
พระพุทธองค์จึงตรัสกับเด็กจัณฑาลว่า เจ้าจงบอกบุตรชายของเจ้าให้รู้ว่าที่ๆได้เคยฝังสมบัติไว้ 4 แห่ง เด็กจัณฑาลจึงพาไปชี้ที่ฝังสมบัติ ปรากฏว่าพอขุดลงไปก็เจอสมบัติที่ฝังเอาไว้ 4 แห่ง ในที่สุดลูกชายเศรษฐีจึงยอมเชื่อว่าเด็กนี้คือพ่อของตนที่ตายไป
ดังที่เล่ามานี้ก็เพื่อให้พิจารณาว่า ชีวิตของทุกคนต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ สามีภรรยา ลูกหลานบริวาร ทุกๆ อย่างในชีวิตล้วนเป็นของชั่วคราว ดังนั้น มีก็มีให้เป็นอย่ามีด้วยความเป็นทุกข์ ทรัพย์สมบัติก็มีไว้เพื่อพอใช้ พออาศัย ในเมื่อเราเชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรมว่ามีจริง ภพหน้าชาติหน้ามีจริงเช่นนี้ ก็ควรสั่งสมบุญให้สืบต่อไปในภายหน้า
คัดย่อจาก ชีวิตนี้เพื่อสิ่งใด
พระครูเกษมธรรมทัต(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)
ถัดไปคลิกที่นี่
Post Bon โพสต์บุญ ทำบุญผ่านโลกออนไลน์ง่ายๆเพียงกดแชร์หรือแบ่งบันเท่านี้คุณก็ได้ทำบุญทุกวัน เป็นธรรมทาน ขอผลบุญที่ท่านได้ทำจงดลบันดาลให้ท่านจงประสบผลสำเร็จทุกประการตามความปรารถนา ท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ท่านที่มีสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไปโชคดีมีชัย เจริญก้าวหน้าเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น